ตามล่าหา “รอยตีนไดโนเสาร์” อายุกว่า 140 ล้านปี ที่วนอุทยานภูแฝก อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์

วันนี้ IZERADAH จะพาทุกคนไปที่​ “กาฬสินธุ์ถิ่นไดโนเสาร์” กันนะคะ

และที่พิเศษของทริปนี้ก็คือเราจะเข้าป่ากัน เพื่อไปตามหา “รอยตีนไดโนเสาร์ ” ยังไงหล่ะ

แหม่! อ่านไม่ผิดหรอกน่า รอยตีนไดโนเสาร์ จริงๆนี่แหละ ที่เราจะพาทุกคนไปเห็นกับตาของตัวเองในทริปนี้ ถ้าพร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลยยยย 

ข้อมูลการเดินทาง

 Location :: ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 6 บ้านน้ำคำ ตำบลภูแล่นช้าง อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์

Map :: แผนที่เส้นทาง GPS คลิก

เวลาทำการ :: 08.30 – 18.00 น. (ทุกวัน)

ค่าธรรมเนียมเข้าชม :: ไม่มี

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม :: ททท. สำนักงานขอนแก่น (043) 227-714 -5

วนอุทยานภูแฝก มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับกับเนินเขาไม่สูงนัก สภาพป่าเป็นป่าเต็งรัง มีพันธุ์ไม้ชนิดต่าง ๆ เช่น ไม้มะค่าโมง ไม้เต็ง ไม้รัง ไม้ประดู่ ฯลฯ มีสัตว์ป่าที่พบเห็นได้ง่าย เช่น กระรอก กระแต อีเห็น กระต่ายป่า เป็นต้น

ซึ่งวนอุทยานภูแฝกอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงห้วยฝาใกล้ ๆกับบ้านน้ำคำ ตำบลภูแล่นช้าง อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์ นั่นเอง

 เรามารู้จัก "ภูแฝก" กันเถอะ

ภูแฝก เป็นภูเขาขนาดใหญ่ที่มีความสูงจากระดับทะเลปานกลางประมาณ 200-475 เมตร อยู่ในเขตวนอุทยานภูแฝก

ในช่วงที่เราเดินทางไปเป็นฤดูฝน บรรยากาศมันก็จะเขียวๆแบบนี้แหละค่ะ

การเดินทาง

ทางที่ไปยังวนอุทยานภูแฝกนั้น เป็นถนนลาดยางตลอดการเดินทางนะคะ 4 เลนบ้าง 2 เลนบ้าง แต่ก็ถือว่าโอเค เดินทางมาได้สะดวก … แต่ก็ใช้ความระมัดระวังด้วยเด้อ เพราะป้ายหรือสิ่งที่ใช้บอกไม่มีเลย ต้องอาศัยความช่างสังเกตบวกกับแผนที่ GPS เอาจ้าาา

เดินทางตามแผนที่ GPS มาเรื่อยๆเราก็จะเห็นป้ายนี้ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับที่ว่าการเทศบาลภูแล่นช้างเลย  ซึ่งจากจุดนี้เราต้องขับรถเข้าไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตรนะคะ

ความเก๋ของถนนเส้นนี้

นี่คือสิ่งหนึ่งที่ IZERADAH ประทับใจในการเดินทาง ซึ่งมันก็คือเส้นแบ่งเขตอำเภอห้วยผึ้งและอำเภอนาคู ซึ่งเป็นอำเภอในจังหวัดกาฬสินธุ์ที่มีอาณาเขตติดต่อกันนั่นเองจ้าาา

แหม่! เก๋ขนาดนี้เราก็ต้องหยิบกล้องมาทำการถ่ายรูปเป็นที่ระทึกซะหน่อยแล้ว

สองข้างทางเขียวและสดชื่นมาก

และนี้คือถนนที่ขึ้นไปบนที่ทำการวนอุทยานภูแฝก หลังฝนพรำมันก็จะเขียวๆแบบนี้เลย กลิ่นดิน กลิ่นป่า อากาศเย็นสบายแบบนี้แหละ

บอกเลยว่า IZERADAH ลดกระจกขับรถรับลมกันเลยทีเดียว สดชื่นมากกกกกกกก

ระหว่างทาง

” ศาลเจ้าแม่นางนอน “ หรือมีอีกชื่อเรียกว่า ศาลเจ้าแม่ย่าเบ้า หรือเจ้าแม่นางเบ้า หรือนางนอนเปลือย  ซึ่งเป็นสถานที่ประชาชนในท้องถิ่นนับถือ ดังนั้นมาเยือนถึงถิ่นเราก็แวะไปสักการะด้วยละกันนะคะ

ศาลเจ้าแม่นางนอน มีลักษณะเป็นก้อนหินที่มีรูปร่างเหมือนคนนอน ซึ่งหินที่แกะสลักนี้เป็นศิลปกรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ อายุกว่า 10,000 ปีเลยเด้อออ

นอกจากนี้ใกล้ๆกันยังมีทางให้ไปสักการะรอยพระพุทธบาทด้วยนะคะ วันนั้นเราไปแล้วเดินหลง เพราะไม่มีป้ายบอกทางใดๆ เลยตัดสินใจไม่ไปดีกว่า กลัวหลงไปมากกว่านี้

ใครที่เคยแวะขึ้นไปสักการะ และชมวิวสวยๆบนยอดเขาแล้ว ก็อย่าลืมเอารูปมาอวดกันด้วยนะคะ

ในที่สุดเราก็ถึงซะที

หลังจากที่เราแวะดูนั่นดูนี่ตลอดทางกันมาแล้ว ก็มาถึงที่หมายของเราสักที นั่นก็คือ ที่ทำการวนอุทยานภูแฝก  แล้วจ้าาา

ถ้าใครอยากเห็นที่จอดรถว่าเป็นประมาณไหนก็ตามภาพเลยค่ะ และบริเวณใกล้เคียงก็มีห้องน้ำไว้ให้เราบริการด้วยนะคะ ก็พอถูไถ ไม่ได้สะดวกสบายขนาดที่บ้านของเรานะคะ (อันนี้ต้องบอกไว้ก่อน)

ส่วนด้านในของที่ทำการฯก็มีการจัดนิทรรศการให้ข้อมูลความรู้ ใครที่สนใจก็เดินเข้าไปอ่านกันเลยนะเออ

และแล้วชั่วโมงเดินป่าก็มาถึง

เส้นทางศึกษาธรรมชาติ เพื่อไปแหล่งค้นพบมันก็จะเป็นประมาณนี่แล

ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ

ตอนแรกเห็นป้ายเราก็สงสัยนะว่ามันจริงหรอ เพราะดูจากหน้าตาแล้วมันคือท่อนไม้ธรรมดาๆนี่เอง แต่พอลองเอามือไปสัมผัส เออหว่ะ! นี่มันหินนี่นาาาา

ไม้ที่กลายเป็นหินนั้นเกิดจาก ” พญาไม้ ” มีอายุประมาณ 150 ล้านปี ซึ่งพญาไม้เป็นไม้ยืนต้นที่จัดอยู่ในวงศ์ Potpcarpaceae

แล้วไม้มันจะกลายเป็นหินได้อย่างไรหนอ

เมื่อพญาไม้โค่นลงแล้วถูกปิดทับด้วยตะกอนทราย และถูกสารซิลิกาในน้ำบาดาลซึมเข้าไปในเนื้อไม้ จากนั้นจึงตกผลึกเข้าไปแทนที่เซลล์เนื้อเยื่อของไม้จนกลายเป็นหินทั้งต้น อยู่ในชั้นตะกอนทรายซึ่งภายหลังได้มีการแข็งตัวเป็นหินทราย ซึ่งอยู่ในหมวดหินภูกระดึงนั่นเอง

มันคือความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างไว้ให้เรา ยิ่งรู้ยิ่งทึ่ง ยิ่งไปสัมผัสยิ่งรู้สึกอะเมซซิ่งมากๆ

เข้าป่าปุ๊ป สดชื่นปั๊บบบ

เจอแล้ววววววว ... !!!

รอยตีนไดโนเสาร์

“วนอุทยานภูแฝก” หรือ “แหล่งรอยตีนไดโนเสาร์ภูแฝก” เป็นแหล่งรอยตีนไดโนเสาร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยเลยนะคะ

อยู่ในป่าขนาดนี้ ... แล้วมาค้นเจอกันได้ไงน๊าาาา

เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2539 เด็กหญิงสองคนพร้อมด้วยผู้ปกครองไปกินข้าวในวันหยุด ได้พบรอยตีนประหลาดกลางลานหินลำห้วยเหง้าดู่ เชิงเขาภูแฝก บริเวณเทือกเขาภูพาน หลังจากนั้นได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่นักธรณีวิทยาพร้อมด้วยส่วนราชการและเอกชนในจังหวัดกาฬสินธุ์เดินทางไปสำรวจจ้าาา

รอยตีนของไดโนเสาร์ที่ถูกค้นพบนั้น อยู่บนหินที่เป็นทางน้ำของห้วยน้ำยัง

ซึ่งรอยตีนนั้นฝังอยู่ในผิวหน้าของชั้นหินทราย (หมวดหินพระวิหาร) ซึ่งตามลำดับชั้นหินจะวางตัวอยู่ใต้ชั้นหินของหมวดหินเสาขัว ซึ่งเป็นชั้นหินที่พบกระดูกไดโนเสาร์มากที่สุดของประเทศไทยนั่นเอง

แล้วทำไมรอยตีนไดโนเสาร์ถึงยังเป็นรอยอยู่มาเป็นล้านปีล่ะ?

จากแหล่งค้นพบรอยตีนไดโนเสาร์นั้น ทำให้ทราบว่าในอดีตมีสภาพเป็นหาดทรายริมน้ำ เป็นที่ที่ไดโนเสาร์เดินผ่าน หรือเที่ยวหากินอยู่ในบริเวณหาดทรายชุ่มน้ำนี้นั่นเอง

ส่วนรอยตีนที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้ถูกคลื่นซัดให้ลบเลือน เนื่องจากอาจจะโผล่พ้นน้ำ จึงทำให้แดดเผาจนคงรูปร่างเอาไว้ หลังจากนั้นกระแสน้ำได้พัดพาเอาตะกอนมาปิดทับลงไปที่รอยตีนจนเป็นชั้นตะกอนใหม่ ทำให้รอยตีนนั้นยังคงอยู่ในชั้นตะกอนเดิม

ต่อมาชั้นตะกอนนั้นได้แข็งตัวกลายเป็นหิน รอยเท้านั้นจึงปรากฏอยู่ในชั้นหิน ซึ่งได้โดนธรรมชาติในปัจจุบันได้ทำลายชั้นหินส่วนที่ปิดทับรอยเท้าออกไป จึงทำให้เราได้เห็นรอยตีนของไดโนเสาร์นั่นเองค่ะ

แล้วมันเป็นของไดโนเสาร์พันธุ์อะไรนะ?

รอยตีนไดโนเสาร์ที่พบนั้น จัดอยู่ในกลุ่มคาร์โนซอร์ชนิดกินเนื้อ ประเภทเทอร์โรพอด อายุประมาณ 140 ล้านปีเชียวนะคะ

รอยเท้าไดโนเสาร์ที่มีอายุกว่า 140 ล้านปีนี้ ปัจจุบันเห็นชัดเจนเพียง 4 รอยเท่านั้นนะคะ

 

“ กาฬสินธุ์ … ถิ่นไดโนเสาร์ ”  

” ทริปหน้าเราจะพาออกไปตามหาอะไรอีก อย่าลืมติดตามนะคะ “

IZERADAH / อำเพ้ออำเภอ